ลมหนาวมาแล้ว!! ขนาดเรายังรู้สึกเย็นจนต้องวิ่งหาเสื้อกันหนาวเลย แล้วแบบนี้น้องแมวสุดที่รักของเราจะไหวกับอากาศแบบนี้มั้ยหนอ เพื่อให้สุขภาพของลูกรักยังคงแข็งแรงแม้จะเจอกับสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง จากบทความที่แล้วเราได้พูดถึงเรื่อง “โรคของของเจ้าเหมี่ยวที่มาพร้อมกับหน้าหนาว” กันไปแล้วหากท่านไหนยังไม่อ่านสามารถกดเข้าไปอ่านได้(อ่านบทความ) แล้วบทความนี้เรามาดูแนวทางการดูแลแมวในช่วงหน้าหนาวกัน
1. ดูแลทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมที่น้องแมวอยู่
เน้นการดูแลชามน้ำชามอาหาร กระบะทราย ที่นอน คอนโดแมว รวมถึงอุปกรณ์ของเล่นทุกชิ้นที่น้องแมวชอบให้สะอาดอยู่เสมอ การจัดโปรแกรมทำความสะอาดยังช่วยลดปัญหาเชื้อราที่สปอร์มักแอบซ่อนอยู่ตามสิ่งของเหล่านี้ (อ่านเรื่องเกี่ยวกับเชื้อราในแมว) และทำให้น้องแมวยังคงวนเวียนกับปัญหาโรคผิวหนังอย่างต่อเนื่อง
2. เพิ่มการดูแลปกป้องร่างกายน้องแมวจากความหนาวเย็น
การใส่เสื้อให้แมวและการหาผ้าปูรองนอนให้เพิ่มเติม จะช่วยทำให้ร่างกายของน้องมีความอบอุ่นขึ้นในช่วงที่สภาพอากาศเริ่มเย็นลง นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้น้องแมวออกนอกบ้านในช่วงกลางคืน เพราะเป็นช่วงที่อากาศเย็นจัด ซึ่งอาจทำให้ร่างกายของสัตว์ไม่สามารถทนต่อสภาพอากาศได้และเจ็บป่วยในที่สุด
3. เตรียมพร้อมในการสร้างภูมิคุ้มกันให้น้องแมว
การป้องกันโรคด้วยการฉีดวัคซีนให้กับแมวถือเป็นเรื่องสำคัญที่เจ้าของไม่ควรละเลย เนื่องจากมีโรคบางโรคที่มีความรุนแรงจนถึงขั้นทำให้แมวเสียชีวิตได้ การพาน้องแมวไปฉีดวัคซีนจะเริ่มตั้งแต่อายุ 2 เดือนขึ้นไป ซึ่งในวัคซีนรวมนั้นจะมีวัคซีนไข้หัดหวัดแมวอยู่ด้วย ทำให้แมวสามารถที่จะสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคทั้งกลุ่มหวัดและหัดแมวได้
4. จัดการอาหารให้น้องแมวอย่างเหมาะสมทุกช่วงเวลาให้ตรงกับวัย
อากาศเย็นส่งผลต่อความต้องการพลังงานที่มากขึ้น ดังนั้นจำเป็นต้องมีการจัดการโภชนาการให้เหมาะสมกับแมวแต่ละตัวและตามแต่ละช่วงวัยของแมว นอกจากนี้ความต้องการพลังงานยังขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแมว น้องแมวที่ผอมจะมีไขมันสะสมน้อย เวลาอากาศหนาวจะหนาวกว่าแมวปกติ ส่วนน้องแมวที่อ้วน หน้าหนาวจะสามารถทนทานต่อสภาพอากาศได้ดีกว่า ดังนั้นในการจัดการปรับปริมาณอาหารช่วงหน้าหนาว เจ้าของจำเป็นต้องพิจารณารูปร่างและสุขภาพของแมวร่วมด้วย
สำหรับใครที่ทำตามวิธีดังกล่าวแล้ว พบว่าน้องแมวยังแสดงอาการผิดปกติบางอย่างให้เห็น เช่น มีน้ำมูกไหล หรือมีพฤติกรรมผิดปกติไป ควรรีบพาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์ใกล้บ้าน เพื่อตรวจวินิจฉัยและให้การรักษาได้ทันท่วงที ซึ่งหากพาน้องไปไวจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาหาย และน้องแมวจะได้ฟื้นตัวง่ายขึ้นค่ะ
เขียนโดย: สพ.ญ. ภสดล อนุรักษ์โอฬาร